บทความทั้งหมด

สุขภาพทางเพศ
แผลริมอ่อน (Chancroid): โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่หลายคนยังไม่รู้จัก
แผลริมอ่อน (Chancroid): โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่หลายคนยังไม่รู้จัก
เมื่อพูดถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD/STI) หลายคนจะนึกถึงโรคที่คุ้นหู เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือเริม แต่ยังมีอีกโรคหนึ่งที่พบบ้างในบางพื้นที่และมีความสำคัญคือ แผลริมอ่อน (Chancroid) โรคนี้อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่สามารถก่อให้เกิดความเจ็บปวด ความกังวล และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
แผลริมอ่อนคืออะไร?
แผลริมอ่อน (Chancroid) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ Haemophilus ducreyi
โรคนี้จัดเป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีลักษณะเด่นคือตุ่มหรือแผลที่อวัยวะเพศที่มีอาการเจ็บปวดชัดเจน แตกต่างจาก แผลริมแข็ง (Chancre) ที่เกิดจากซิฟิลิส ซึ่งโดยทั่วไปไม่เจ็บ
สาเหตุและการติดต่อ
เชื้อ H. ducreyi สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านรอยถลอกเล็ก ๆ ที่ผิวหนังหรือเยื่อบุอวัยวะเพศในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ โดยการติดต่อมักเกิดจาก:
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก
- การสัมผัสกับแผลที่มีเชื้อโดยตรง
- ในบางรายอาจแพร่กระจายจากการใช้ของร่วมที่ปนเปื้อน แต่พบน้อยมาก
การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน หรือการไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย จะเพิ่มโอกาสการติดเชื้ออย่างมาก
อาการของแผลริมอ่อน
อาการมักเริ่มภายใน 4–10 วันหลังจากได้รับเชื้อ โดยมีลักษณะดังนี้:
- เริ่มจากตุ่มนูนเล็ก ๆ บริเวณอวัยวะเพศ
- ตุ่มแตกออกกลายเป็นแผล มีขอบไม่เรียบ ก้นแผลตื้น และมีหนองปนเลือด
- ลักษณะสำคัญ คือ แผลมักมีอาการ เจ็บปวดมาก ต่างจากแผลซิฟิลิสที่มักไม่เจ็บ
- อาจพบแผลหลายตำแหน่งและมีการรวมตัวกันจนเกิดแผลขนาดใหญ่
- ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบอาจโต เจ็บ และกลายเป็นหนอง (เรียกว่า Buboes)
ความแตกต่างจากโรคอื่น ๆ
- ซิฟิลิสระยะต้น (แผลริมแข็ง): แผลมักเป็นเพียง 1 จุด ขอบเรียบ ก้นลึก และ ไม่เจ็บ
- เริม (Genital herpes): มักเริ่มจากตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ หลายตุ่ม แสบคัน แล้วแตกเป็นแผลตื้น เจ็บได้ แต่หายได้เอง
- แผลริมอ่อน: หลายแผล ขอบไม่เรียบ มีหนอง และ เจ็บมาก
การวินิจฉัย
แพทย์จะพิจารณาจาก:
- ประวัติการมีเพศสัมพันธ์และอาการที่เกิดขึ้น
- การตรวจร่างกายดูลักษณะแผล
- การเก็บตัวอย่างจากแผลหรือหนองเพื่อตรวจหาเชื้อ H. ducreyi
- การตรวจแยกโรคอื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส และเริม ซึ่งอาจมีอาการใกล้เคียงกัน
ภาวะแทรกซ้อน
หากไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น:
- แผลเรื้อรัง เจ็บปวดจนรบกวนการใช้ชีวิต
- ต่อมน้ำเหลืองขาหนีบโตและแตกเป็นหนอง
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV เพราะแผลเปิดเป็นทางเข้าของเชื้อ
การรักษา
โรคแผลริมอ่อนสามารถรักษาให้หายได้ด้วย ยาปฏิชีวนะ เช่น
- Azithromycin
- Ceftriaxone
- Ciprofloxacin
- Erythromycin
แพทย์จะเลือกยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย โดยการรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยให้แผลหายภายใน 1–2 สัปดาห์
หากมีต่อมน้ำเหลืองอักเสบจนเกิดหนอง อาจจำเป็นต้องเจาะระบายหนองร่วมด้วย
สำคัญ:
- ผู้ป่วยและคู่นอนควรรักษาพร้อมกันเพื่อลดการติดเชื้อซ้ำ
- ห้ามซื้อยารับประทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจใช้ยาผิดหรือไม่ครบขนาด ทำให้เชื้อดื้อยาได้
การป้องกัน
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน
- ตรวจสุขภาพและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ หากมีพฤติกรรมเสี่ยง
- หากพบว่ามีแผลหรืออาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
แผลริมอ่อนกับความสัมพันธ์กับ HIV
สิ่งที่น่ากังวลคือ ผู้ที่มีแผลริมอ่อนจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV สูงขึ้น เนื่องจากแผลเปิดที่อวัยวะเพศเป็นช่องทางให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นการรักษาแผลริมอ่อนและการป้องกัน HIV จึงควรทำควบคู่กัน
บทสรุป
แผลริมอ่อน (Chancroid) แม้จะไม่ใช่โรคที่พบบ่อยเท่าซิฟิลิสหรือเริม แต่ก็เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ควรมองข้าม อาการเด่นคือ แผลที่อวัยวะเพศมีหนอง เจ็บปวดมาก และสามารถรักษาได้หากพบแพทย์และใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การป้องกัน ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อป้องกันทั้งแผลริมอ่อนและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ รวมถึง HIV