บทความทั้งหมด

สุขภาพทางเพศ
หนองใน (Gonorrhea): โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ควรมองข้าม
หนองใน (Gonorrhea): รู้ให้ทันก่อนสายเกินไป
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รักษาได้ แต่หากชะล่าใจ...อาจเสี่ยงมีลูกยาก หรือรุนแรงถึงชีวิต
🧬 หนองในคืออะไร?
หนองใน (Gonorrhea) คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae
เชื้อนี้มักเจริญเติบโตใน เยื่อเมือกของระบบสืบพันธุ์ เช่น ปากมดลูก ท่อปัสสาวะ ทวารหนัก และลำคอ
สามารถติดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และมักพบในวัยทำงานตอนต้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
📍 เส้นทางการติดเชื้อ
หนองในติดต่อโดยตรงจากการสัมผัสเยื่อเมือกระหว่างกิจกรรมทางเพศ:
- เพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด โดยไม่ใช้ถุงยาง
- เพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
- ออรัลเซ็กส์ (ปาก-อวัยวะเพศ)
- จากแม่สู่ลูกขณะคลอด → ทำให้ทารกติดเชื้อที่ดวงตา
แม้จะไม่มีการหลั่งน้ำอสุจิ ก็สามารถติดเชื้อได้จากสารคัดหลั่ง
👩⚕️ อาการ: แตกต่างในเพศหญิงและชาย
🔸 เพศชาย
- หนองข้นสีเหลืองหรือเขียวขุ่น ไหลจากปลายอวัยวะเพศ
- ปัสสาวะแสบ ขัด หรือรู้สึกปวด
- อัณฑะบวม เจ็บ
- อาการมักเริ่มใน 2–7 วันหลังสัมผัสเชื้อ
🔸 เพศหญิง
- ตกขาวผิดปกติ สีเหลืองหรือเขียว มีกลิ่นเหม็น
- ปัสสาวะแสบ เจ็บ
- ปวดท้องน้อย เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- อาจมีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน
⚠️ ผู้หญิงมากกว่า 50% ไม่มีอาการ! จึงอาจเป็นพาหะโดยไม่รู้ตัว
🔸 อาการอื่น
- ทางปาก/ลำคอ: เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต กลืนลำบาก (จากออรัลเซ็กส์)
- ทางทวารหนัก: คัน แสบ มีเลือดออก หรือขับถ่ายเจ็บ
- ทางตา: ตาแดง มีหนอง (ในทารกแรกเกิดหากติดจากแม่)
🧪 การตรวจวินิจฉัย
- ซักประวัติทางเพศสัมพันธ์อย่างละเอียด
- เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง:
- ปัสสาวะ (ชาย)
- ตกขาว หรือหนอง (หญิง)
- ป้ายจากคอหรือทวารหนัก (ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง)
- ตรวจทางห้องปฏิบัติการ:
- NAATs (Nucleic Acid Amplification Tests) – แม่นยำสูง
- เพาะเชื้อ เพื่อดูการตอบสนองต่อยา
⚠️ ถ้าไม่รักษา อาจเกิดอะไรขึ้น?
✴️ เพศหญิง:
- ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID) → เสี่ยงท่อนำไข่อุดตัน, มีบุตรยาก, ตั้งครรภ์นอกมดลูก
- การติดเชื้อเข้าสู่มดลูก / ท่อนำไข่
✴️ เพศชาย:
- อัณฑะอักเสบ / ต่อมลูกหมากอักเสบ
- มีบุตรยากในระยะยาว
✴️ ทั้งสองเพศ:
- การติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด (Disseminated Gonococcal Infection: DGI) → เกิดไข้ ผื่น ข้ออักเสบ ปวดทั่วตัว
- เสี่ยงติดโรคทางเพศอื่นร่วมด้วย เช่น HIV, ซิฟิลิส, หนองในเทียม
💊 แนวทางการรักษา
ยามาตรฐาน (อัปเดตโดย WHO / CDC):
- Ceftriaxone ฉีดเข้ากล้าม 500 มก. (หรือ 1,000 มก. หากน้ำหนัก >150 กก.)
- ร่วมกับ Doxycycline 100 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 7 วัน หากสงสัยว่ามี Chlamydia ร่วมด้วย
❗ หากแพ้ยาเพนิซิลลิน อาจเลือกยาทางเลือกตามดุลยพินิจแพทย์
สิ่งที่ห้ามทำ:
- ห้ามหยุดยากลางคัน
- ห้ามมีเพศสัมพันธ์ระหว่างรักษา
- ห้ามใช้ยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
❤️ การรักษาคู่นอนสำคัญมาก!
เพราะหากคู่นอนไม่ได้รับการรักษาพร้อมกัน → คุณอาจติดเชื้อกลับมาซ้ำอีกทันที
- ควรแจ้งคู่นอนทุกรายในช่วง 60 วันที่ผ่านมาให้เข้ารับการตรวจ
- งดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าทั้งคู่จะหายสนิท
🛡️ ป้องกันหนองในอย่างไร?
- ✅ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- ✅ ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง (โดยเฉพาะผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง)
- ✅ หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ✅ ไม่ใช้อุปกรณ์หรือของเล่นทางเพศร่วมกันโดยไม่ทำความสะอาด
- ✅ สังเกตอาการของตนเองและคู่นอน
- ✅ หญิงตั้งครรภ์ควรฝากครรภ์เร็ว และตรวจเชื้อทุกราย
❓ คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: หายแล้วจะติดซ้ำได้ไหม?
A: ได้ หากมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ยังมีเชื้อ หรือคู่นอนใหม่โดยไม่ป้องกัน
Q: หนองในกับหนองในเทียมต่างกันยังไง?
A: หนองใน = Neisseria gonorrhoeae / หนองในเทียม = Chlamydia trachomatis
อาการคล้ายกัน มักติดร่วมกัน → จึงต้องรักษาทั้งสองพร้อมกัน
Q: ออรัลเซ็กส์ติดหนองในได้ไหม?
A: ได้! เชื้อสามารถติดที่ลำคอหากทำออรัลเซ็กส์กับผู้ที่มีเชื้อ
📌 สรุป
หนองในเป็นโรคติดต่อทางเพศที่รักษาได้ง่าย แต่ป้องกันได้ง่ายยิ่งกว่า
ปัญหาคือผู้ป่วยจำนวนมาก ไม่มีอาการ และแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว ทำให้กลายเป็นวงจรที่ไม่สิ้นสุด
- ตรวจเร็ว รักษาเร็ว หายได้
- ใช้ถุงยางทุกครั้ง ห่างไกลความเสี่ยง
- ดูแลสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ คือทางออกที่ยั่งยืน
👶 หนองในในหญิงตั้งครรภ์: อันตรายที่ต้องรู้
หากคุณกำลังตั้งครรภ์และติดเชื้อหนองใน โดยไม่รู้ตัวหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อทั้งตัวคุณและทารกในครรภ์ ดังนี้:
ความเสี่ยงต่อมารดา
- การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- การแตกของถุงน้ำคร่ำก่อนกำหนด (PROM)
- เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด (Preterm labor)
ความเสี่ยงต่อทารก
- การติดเชื้อที่ตาทันทีหลังคลอด (Ophthalmia neonatorum) → เสี่ยงตาบอดถ้าไม่ได้รับการรักษาทันที
- การติดเชื้อที่ปอดหรือสมอง (ในบางกรณี)
- น้ำหนักแรกเกิดต่ำ
แนวทางป้องกันในหญิงตั้งครรภ์
- ควรตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกคนในการฝากครรภ์ครั้งแรก
- หากพบการติดเชื้อ → ให้รักษาโดยใช้ยาที่ปลอดภัยต่อทารก
- หลีกเลี่ยงเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ยังไม่ได้รับการตรวจ
🧠 หนองในในระยะยาว: อย่าคิดว่าไม่อันตราย
หากปล่อยให้หนองในเป็นเรื้อรัง หรือไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดผลเสียที่ร้ายแรงได้ในอนาคต
ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
- ภาวะมีบุตรยาก ทั้งชายและหญิง (จากการอักเสบของท่อนำไข่ หรือท่อนำอสุจิ)
- ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic Pregnancy)
- ติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจรุนแรงถึงชีวิต (DGI)
- ความเสี่ยงติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้น เนื่องจากผนังเยื่อเมือกอักเสบ
🗣️ การสื่อสารเรื่องโรคติดต่อทางเพศ: อย่างไรให้ปลอดภัย และไม่อับอาย
1. พูดคุยอย่างเปิดใจ
- บอกคู่นอนด้วยความจริงใจ ไม่ตำหนิ
- ใช้คำว่า “ฉันเพิ่งตรวจสุขภาพทางเพศมา และหมอแนะนำให้คู่ของฉันไปตรวจด้วยกัน”
2. ไม่รังเกียจ ไม่ประณาม
- หนองในไม่ใช่โรคของคนสำส่อน แต่มาจากการขาดความรู้หรือการป้องกันที่ไม่ครบถ้วน
3. ส่งเสริมให้ตรวจด้วยกัน
- ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นกิจกรรมของคนรักที่ห่วงใยกัน
- บางคลินิกมีบริการตรวจพร้อมคู่ โดยไม่เปิดเผยชื่อ
✅ สัญญาณเตือนที่ “ห้ามมองข้าม”
- มีหนองไหลออกจากอวัยวะเพศ
- ปัสสาวะขัด แสบ หรือถี่ผิดปกติ
- ตกขาวมีกลิ่นหรือสีเปลี่ยน
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- เคยมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยาง และยังไม่เคยตรวจสุขภาพทางเพศเลย
ถ้าคุณมี 1 ข้อขึ้นไป ควรตรวจโรคทางเพศสัมพันธ์ทันที
✨ บทสรุปส่งท้าย
หนองในไม่ใช่โรคร้ายแรง หากรู้ตัวเร็วและรักษาทัน
แต่มันอาจกลายเป็น “เงียบแต่รุนแรง” ได้ หากละเลยหรืออายที่จะพูดถึง
“ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งป้องกันได้ดี ยิ่งดูแลตัวเองและคนที่คุณรักได้มาก”